ออริจิ้น เสนอขายหุ้นกู้ 3 ชุด ดอกเบี้ย 4.85-5.15% วันที่ 6-8 สิงหาคม นี้ โชว์แบ็คล็อกแกร่ง 46571 ล้าน เดินหน้าแคมเปญกระตุ้นยอดขายยอดโอนต่อเนื่อง

   เมื่อ : 30 ก.ค. 2567

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ล็อตใหม่ 3 รุ่นแก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุน สถาบัน อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.85% ต่อปี อายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี และอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.15% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายวันที่ 6-8 สิงหาคมนี้ ผ่าน 12 สถาบันการเงินชั้นนำ ชูระดับความน่าเชื่อถือ “BBB /Stable” จากทริสเรทติ้ง มั่นใจแบ็คล็อกแกร่ง 46571 ล้าน ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงปี 2571 เปิดตลาดต่างชาติโกยยอดขายกว่า 2500 ล้านบาท ในครึ่งปีแรก และปิดดีลขายบิ๊กล็อตคอนโดให้ “เดลต้า” กว่า 1000 ล้านบาท

 

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2567 เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนทั่วไป และ ผู้ลงทุนสถาบัน (Public Offering) โดยหุ้นกู้ที่ออกจำหน่ายมีจำนวน 3 รุ่น ได้แก่ หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.85% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.15% ต่อปี

 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้ในการชำระคืนหุ้นกู้และหนี้ระยะสั้นที่จะครบกำหนด รวมถึงใช้ในการดำเนินธุรกิจ เสนอขายระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคม 2567 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้งหมด 11 แห่ง และขอเน้นย้ำให้ผู้ลงทุนระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อบริษัทฯ หลอกลงทุน นำเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริง โดยเฉพาะช่องทางโซเซียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook และ แอปพลิเคชัน LINE เป็นต้น ขอให้นักลงทุนพิจารณาผลตอบแทนที่เป็นไปได้ หรือติดต่อสอบถามผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ก่อนตัดสินใจลงทุน


หุ้นกู้ที่จะออกในครั้งนี้ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ระดับ “BBB ” แนวโน้ม “คงที่” (stable) จากทริสเรทติ้ง จากที่มีแบ็คล็อกกว่า 46571 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่องถึงปี 2571

 

นายพีระพงศ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของบริษัทขับเคลื่อนไปได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทให้ความสำคัญกับการกระจายพอร์ตการลงทุน ทั้งการกระจายการพัฒนาโครงการใหม่ในหลากหลายเซ็กเมนท์ หลากหลายทำเล การเพิ่มพอร์ตรายได้ใหม่ๆ อาทิ ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสร้างกระแสเงินสดใหม่ เช่น ธุรกิจโรงแรมที่ปัจจุบันเริ่ม Operate แล้ว 11 โครงการ โดยมี Average Occupancy Rate อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะโรงแรมใน CBD มี Average Occupancy Rate กว่า 80% หากนับเฉพาะธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย (Residential Development) บริษัทมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 รวมกันมากถึง 46571 ล้านบาท

 

“แบ็คล็อกดังกล่าว จะทยอยโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มเติมในปีนี้อีกประมาณ 15000 ล้านบาท ขณะที่อีกกว่า 31000 ล้านบาทนั้นจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2571 ส่งผลให้บริษัทจะมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ขับเคลื่อนไปได้ในทุกภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ยังเปิดตลาดต่างประเทศในช่วงครึ่งปีแรก สามารถโกยยอดขายต่างชาติกว่า 2500 ล้านบาท หลักๆ เป็นรัสเซีย ฮ่องกง  ไต้หวัน ที่สนใจซื้อและลงทุนเป็นบ้านหลังที่สอง พร้อมปิดดีลขายบิ๊กล็อตคอนโดให้ “เดลต้า” มูลค่ากว่า 1000 ล้าน รับเงินแล้วกว่า 80% ทยอยโอนกรรมสิทธิ์ใน Q2-3/2567” นายพีระพงศ์ กล่าว

 

ทั้งนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการปรับตัวอย่างรอบด้าน เพื่อสร้างทั้งความได้เปรียบและรักษาระดับผลการดำเนินงาน อาทิ การจัดโปรโมชั่นใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงโครงการที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น เช่น แคมเปญ “ถึงเวลาช้อน” แคมเปญลดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงกลางปีนี้ การเลือกลงทุนใหม่ในทำเลที่เหมาะสม สร้างยอดขายกลับมาได้ทันที การพัฒนาแพลตฟอร์มเปิดโอกาสการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ จากทั่วโลก การร่วมทุนกับพันธมิตร ตลอดจนการบุกตลาดที่มีโอกาสเติบโต

 

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นกู้ สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100000 บาท และทวีคูณของ 100000 บาท ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 11 แห่ง ดังต่อไปนี้

  • ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai Next หรือ ผ่าน Money Connect by Krungthai (https://moneyconnect.krungthai.com/)
  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 หรือ จองซื้อผ่าน Mobile application - CIMB Thai Digital Banking
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
  • บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5000   
  • บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-351-1801 
  • บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด โทร. 02-249-2999   
  • บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-659-5272-73
  • บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด โทร. 02-687-7543
  • บริษัทหลักทรัพย์ พาย จํากัด (มหาชน) โทร. 02-205-7000

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th

หมายเหตุ: การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน

หมายเหตุ : แบบแสดงรายการข้อมูล และร่างหนังสือชี้ชวนอยู่ระหว่างการพิจารณาโดยสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้

 

ขณะที่บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย
1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 158 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 1/2567) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) โซ ออริจิ้น (So Origin) ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) ออริจิ้น เพลส (Origin Place) ดิ ออริจิ้น (The Origin) เคนซิงตัน (Kensington) แฮมป์ตัน (Hampton)
ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play) บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 247795   ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร