กรุงศรี รุกหนักพัฒนานวัตกรรม AI เสริมแกร่งดิจิทัลโซลูชัน ชู ‘Krungsri AI’ ยกระดับประสบการณ์ทางการเงินให้ง่ายยิ่งขึ้นในทุกมิติ
นายเคนอิจิ ยามาโตะ (5 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารนำโดย นายสยาม ประสิทธิศิริกุล (5 จากซ้าย) กรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร; นางสาวสายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์ (4 จากขวา) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านนวัตกรรมดิจิทัลและข้อมูล; นายพชร วันรัตน์เศรษฐ (4 จากซ้าย) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ; คุณตุลย์ โรจน์เสรี (3 จากขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานข้อมูลและการวิเคราะห์ และพันธมิตรสายเทคชั้นนำ โชว์ศักยภาพความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง ในงาน Krungsri Tech Day 2024: Technology for People มหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คน จัดขึ้นที่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์
กรุงเทพฯ (19 กันยายน 2567) – กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) โชว์ศักยภาพความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง กางแผนขับเคลื่อนด้านไอทีและดิจิทัลที่มุ่งผลักดันเทคโนโลยี AI ชูความแข็งแกร่งทีม ‘Krungsri AI’ ในการเสริมประสิทธิภาพดิจิทัลโซลูชัน เพื่อยกระดับการส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่ทำให้ชีวิตและการทำธุรกิจของลูกค้าง่ายยิ่งขึ้นในทุกมิติ ในงาน Krungsri Tech Day 2024: Technology for People มหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คน จัดขึ้นที่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงานว่า “ภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบัน กรุงศรีตั้งเป้าหมายในการเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน โดยมุ่งรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจหลักและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนด้วยการพัฒนาทางเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลที่ครอบคลุม 4 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ เทคโนโลยีดิจิทัล ฐานข้อมูล ระบบนิเวศ และความร่วมมือจากพันธมิตร งาน Krungsri Tech Day 2024 จึงเปรียบเสมือนเวทีแสดงศักยภาพของกรุงศรีในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีทางการเงิน ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินของกรุงศรี เพื่อส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการและช่วยให้การใช้ชีวิตและการทำธุรกิจของลูกค้าง่ายยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็หวังว่างานดังกล่าวจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเติบโตและความยั่งยืน”
ด้าน นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง กรุงศรีมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อต่อยอดการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถขององค์กร โดยการพัฒนาในด้านไอทีและดิจิทัลของกรุงศรีกรุ๊ปจะเป็นการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม ภายใต้แนวคิด Technology for People ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีหรือโซลูชันทางการเงินที่เข้าไปอยู่ในทุกๆ ไลฟ์สไตล์ของผู้คน ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะมีพฤติกรรมความต้องการทางการเงินในรูปแบบใด โดยโซลูชันที่นำเสนอนั้นอาจไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากที่สุด แต่ต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนได้มากที่สุด ด้วยประสบการณ์ทางการเงินที่สะดวก รวดเร็ว และง่ายยิ่งขึ้น โดยในปีนี้ เราได้ลงทุนกว่า 15000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาด้านไอทีและดิจิทัลโซลูชัน และยังได้เสริมศักยภาพการพัฒนาอย่างเข้มข้นด้วยทีม Krungsri AI ที่จะช่วยผลักดันการพัฒนาในด้าน AI Machine Learning และ Data Analytics รวมทั้งการพัฒนาด้านบุคลากร ซึ่งเป็นการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจกรุงศรีในภาพรวม พร้อมส่งเสริมความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีแบบองค์รวมครอบคลุมทั้งระบบนิเวศ”
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
“ด้วยความสำคัญของเทคโนโลยี AI ที่กำลังเข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินงานในหลายๆ ธุรกิจ รวมทั้งภาคการเงิน ซึ่งกรุงศรีได้ทำการศึกษา ค้นคว้า และทดลองมาโดยตลอด และในปีนี้เราได้รุกหนักการพัฒนาด้าน AI โดยเสริมทัพทีม Krungsri AI สร้างความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้เกิดการศึกษาวิจัย และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ได้อย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น อาทิ การใช้ AI ประเมินมูลค่าคอนโด เพิ่มประสิทธิภาพการเติมเงินสดสำหรับตู้ ATM หรือแชตบอตที่พนักงานสามารถใช้ค้นหาและสรุปความรู้ต่างๆ ภายในองค์กร รวมถึงข้อมูลในเชิงลึก ด้วยการนำข้อมูลของธนาคารมาเชื่อมโยงและวิเคราะห์ออกมาเป็นคำตอบที่ชัดเจนและแม่นยำ นอกจากนี้ ด้วยผลลัพธ์จากการยกระดับ Core Banking ในปีที่ผ่านมา ทำให้กรุงศรีสามารถขยายศักยภาพเพื่อรองรับกับดีมานด์ของ Embedded Finance Solutions หรือการนำโซลูชันทางการเงินของกรุงศรีเข้าไปช่วยระบบหลังบ้านของธุรกิจต่างๆ โดยที่ลูกค้าหรือผู้ใช้งานอาจจะไม่ทราบว่ากำลังใช้โซลูชันของกรุงศรี ซึ่งที่ผ่านมากรุงศรีนำเสนอ Embedded Finance Solutions ให้กับหลายองค์กรในหลายกลุ่มธุรกิจ อาทิ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจระบบความปลอดภัย อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เป็นต้น” นายสยาม กล่าวเสริม
จากซ้ายไปขวา- นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน); นางสาวสายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านนวัตกรรมดิจิทัลและข้อมูล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน); นายพชร วันรัตน์เศรษฐ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน); คุณตุลย์ โรจน์เสรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานข้อมูลและการวิเคราะห์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ ทิศทางและกลยุทธ์ในการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลของกรุงศรี มุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบบองค์รวมผ่าน 4 แกนหลัก ดังนี้
- Krungsri AI: พัฒนา AI โดยเน้นการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเร่งเครื่องการพัฒนาดิจิทัลโซลูชันเพื่อการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจ โดยมีเป้าหมายหลักคือ ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้น เร็วขึ้น และง่ายยิ่งขึ้น
- Embedded Finance Solutions: ใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและโซลูชันทางการเงินของกรุงศรีต่อยอดบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ที่อยู่เบื้องหลังทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คน ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์ทางการเงินของลูกค้าในยุคดิจิทัลให้ดียิ่งขึ้น อาทิ เทคโนโลยี API ที่ช่วยให้การทำธุรกรรมมีความถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น ระบบการชำระเงินออนไลน์ ธุรกรรมการขอสินเชื่อ และประกันภัย เป็นต้น
- Transformation: การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที โดยมีแผนงานหลักภายใต้โครงการ “Jupiter by Krungsri” ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนของสถาปัตยกรรมระบบไอทีให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จะเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์การบริการที่ดียิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของความสะดวก รวดเร็ว และความปลอดภัย ทั้งนี้ ยังเอื้อต่อการพัฒนาต่อยอดในอนาคตซึ่งรวมถึงการขยายการให้บริการในระดับภูมิภาค และการปรับปรุงการปฏิบัติการด้วยโปรเจค Green IT เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายด้านความยั่งยืน
- Social Impact: ด้วยปริมาณความต้องการบุคลากรสายเทคที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน กรุงศรีพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างศักยภาพให้กับบุคลากรสายเทค รวมถึงพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีให้กับผู้ที่สนใจแม้ไม่ได้เรียนจบหรือมีประสบการณ์การทำงานในสายเทค โครงการเหล่านี้ไม่เพียงตอบโจทย์การเติมเต็มบุคลากรให้กับกรุงศรี แต่ยังช่วยสร้างทักษะให้กับทรัพยากรในตลาดแรงงานเพื่อเพิ่มโอกาสและความเท่าเทียมในการเข้าถึงตำแหน่งงานสายเทคโนโลยีให้กับผู้คนอีกเป็นจำนวนมาก อาทิ โครงการ Krungsri Universe Collaboration โดย Stellar by krungsri ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ ช่วยพัฒนาความรู้ ทักษะด้านเทคโนโลยี และความพร้อมในการทำงานสายเทคให้กับนักศึกษา โครงการ QA Academy ของกรุงศรี นิมเบิล ที่ขยายโอกาสการพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยีให้กับบุคลากรในภูมิภาค เพื่อเข้าถึงตำแหน่งงานในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีความต้องการสูง รวมทั้งเปิดตัว โครงการ Krungsri Upskill & TITAN Program ที่เปิดโอกาสให้บุคลากรในสายงานต่างๆ ได้มาอัปสกิลและรีสกิลตัวเองเข้าสู่สายงานเทค ด้วยการอบรมทักษะอย่างเข้มข้นร่วมกับพันธมิตรสายเทคชั้นนำ เพื่อพัฒนาศักยภาพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตำแหน่งงานที่เหมาะสม
สำหรับงาน Krungsri Tech Day 2024 จัดต่อเนื่องเป็นปีที่สาม โดยในปีนี้ กรุงศรีร่วมมือกับพันธมิตรสายเทค ได้แก่ Accenture AWS Dynatrace G-Able HPE IBM Kyndryl MFEC Microsoft NUTANIX PagerDuty Stream I.T. และ True Digital Park นำเสนอความก้าวหน้าและการใช้งานเทคโนโลยีที่ช่วยให้ทั้งชีวิตและการทำธุรกิจง่ายขึ้นในทุกมิติ พร้อมเปิดพื้นที่ให้คนสายเทค สายธุรกิจ และบุคคลทั่วไปที่สนใจเทคโนโลยีได้มาอัปเดตเทรนด์การพัฒนาเทคโนโลยี อัปเลเวลการทำธุรกิจด้วยโซลูชันพร้อมใช้ และอัปสกิลความสามารถด้านเทคโนโลยีแบบเข้มข้นผ่านเวทีสัมมนา และกิจกรรมเวิร์กชอปที่น่าสนใจมากมายกว่า 40 หัวข้อ โดยผู้เชี่ยวชาญจากทั้งธนาคารกรุงศรี และพันธมิตร กว่า 70 ท่าน
“สุดท้ายนี้ กรุงศรี ขอขอบคุณพันธมิตรทุกท่านที่ช่วยสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ ซึ่งทำให้เราได้มีโอกาสนำเสนอ นวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยีที่สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจได้อย่างครอบคลุม และยังได้ร่วมเป็นกำลังสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรสายเทคให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยสร้างการเติบโตทางธุรกิจ และที่สำคัญที่สุด คือเพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจของลูกค้าให้ง่ายยิ่งขึ้น สอดคล้องกับคำมั่นสัญญา ‘ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน’ ” นายสยาม กล่าวทิ้งท้าย