เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ส่งความช่วยเหลือเพื่อผู้ประสบอุทกภัย

   เมื่อ : 13 ก.ย. 2567

เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย  จัดทำถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน  2000  ชุด   บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม การดำเนินการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจในการสนับสนุนและช่วยเหลือชุมชนในช่วงเวลาที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

 

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือของประเทศไทยในช่วงเดือนกันยายน 2567 ถือว่ารุนแรงและส่งผลกระทบอย่างมากต่อหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และเพชรบูรณ์ ซึ่งมีพื้นที่หลายแห่งได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องหลายวัน  นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักอีกในเดือนกันยายนและตุลาคม ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์น้ำท่วมขยายพื้นที่กว้างขึ้นและส่งผลกระทบต่อประชาชนให้ได้รับความเดือนร้อนมากขึ้น

บริษัทฯ เล็งเห็นถึงผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในหลายจังหวัด และตระหนักถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น และจึงได้ดำเนินการจัดเตรียมถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จึงได้ร่วมกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม  โดยเชิญชวนผู้บริหาร พนักงาน ร่วมแพคถุงยังชีพอย่างเร่งด่วน  จำนวน 2000  ชุด  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย   ทั้งนี้บริษัทฯ และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม  ได้วางแผนส่งมอบถุงยังชีพให้กับพื้นที่ ดังนี้

 

พื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก โดยมี จ.ส.อ.ยุวชล เกษรประทุม ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้รับมอบ เพื่อกระจายความช่วยเหลือไปยังครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่

อย่างเร่งด่วน การมอบถุงยังชีพนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในด้านปัจจัยพื้นฐาน อาทิ อาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นอื่นที่ช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถใช้ชีวิตได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้

 

องค์การบริหารส่วนตำบลหนองตูม อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประชาชนได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นจำนวนมาก โดยมี นายจรินทร์ ไม้กร่าง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองตูม เป็นผู้รับมอบ เพื่อแจกจ่ายความช่วยเหลือไปยังผู้ประสบภัยในพื้นที่ การช่วยเหลือในครั้งนี้ถือเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในยามที่ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์

และล่าสุดได้ส่งมอบถุงยังชีพไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้รับมอบ ได้แก่ พันโท อนุพงศ์  สมบูรณ์  ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17 ในพระองค์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (ผบ.ร .17 พัน.3)  ค่ายเม็งราชมหาราช  นายฉัตรชัย ชัยศิริ  นายกเทศมนตรีตำบลเวียงพางคำ และนางยุพิน คิดอ่าน  หัวหน้ากิ่งกาชาด เพื่อกระจายความช่วยเหลือไปยังครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่อย่างเร่งด่วน

 

และในโอกาสนี้ เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ยังได้ร่วมกับ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  เพื่อมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุและผู้เปราะบาง  โดยได้รับเกียรติจาก  นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ   นางสาววาสนา ทองจันทร์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมสวัสดิการและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ นางสาวอนัญญา อัตชู ผู้อำนวยการศูนย์ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค  และนายพีรพล สอนไข่ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี   ให้เกียรติรับมอบถุงยังชีพในครั้งนี้  เพื่อนำไปมอบให้แก่ 

1. ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดลำปาง  บริษัทฯ ได้จัดเตรียมถุงยังชีพ จำนวน 200 ชุด เพื่อส่งมอบให้กับกำลังใจผู้ประสบอุทกภัยกลุ่มผู้สูงอายุและผู้เปราะบางในพื้นที่จังหวัดลำปางและ ตำบลหนองแขมและตำบลบ้านท่าช้าง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากน้ำท่วม การช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นการร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก และลำปาง ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

2. ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี  อีกหนึ่งหน่วยงานที่ได้รับความช่วยเหลือจากบริษัท ซึ่งได้รับมอบถุงยังชีพ จำนวน 200 ชุด เตรียมลงพื้นที่ภาคกลางร่วมกับ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ในเขตภาคกลางเพื่อส่งมอบให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้

บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมและชุมชนในทุกโอกาสที่สามารถทำได้ การส่งมอบถุงยังชีพในครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงความห่วงใยและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยหวังว่าความช่วยเหลือดังกล่าวจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยและเสริมสร้างกำลังใจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้  นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนในการติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมในการส่งมอบความช่วยเหลือเพิ่มเติมในกรณีที่สถานการณ์ยังคงยืดเยื้อ” นายสาระกล่าวสรุป