“MTC”ยืนหนึ่งผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์การสื่อสาร ก้าวทันเทคโนโลยีโลก SME D Bankหนุนสินเชื่อช่วยลดต้นทุน เสริมแกร่ง พร้อมลุยขยายตลาด

ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เล็กๆ แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นจิ๊กซอว์ที่จะเชื่อมโยงการทำงานของระบบสื่อสารด้วยคลื่นความถี่ทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลงานจากเอสเอ็มอีไทย บริษัท ไมโครเวฟ เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MTCที่มุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาไม่หยุดยั้ง จนมีนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีมาตรฐานระดับสากล ทำให้ยืนหยัดอยู่ในวงการมากกว่า 40 ปีส่งออก 100% ไปยังตลาดต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก โดยมี SME D Bank เป็นกองหนุน บริการสินเชื่อ “Beyond ติดปีก SME” อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี 3 ปีแรก ช่วยให้เงินทุนที่มีต้นทุนต่ำไว้สำรองเพียงพอ พร้อมรับออเดอร์ เพื่อผลิตสินค้าและขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เจ้าของกิจการ คือ คุณธนากร ชาวนาแก้วประธานบริหาร บริษัท ไมโครเวฟ เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MTC ที่เริ่มจากเป็นลูกจ้างจนก้าวสู่การเป็นเจ้าของกิจการ เขา เล่าว่า “ธุรกิจนี้ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เป็นผู้บุกเบิกวางรากฐาน ก่อตั้งบริษัทตั้งแต่ปี พ.ศ.2528เพราะมองเห็นโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม หลังจากทำธุรกิจมาประมาณ 12 ปี ท่านได้ตัดสินใจขายกิจการให้กับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีจากประเทศแคนาดาในช่วงเวลานั้นผมได้เข้ามาในฐานะหนึ่งในทีมบริหารของบริษัทประเทศแคนาดาที่ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจ”
จนกระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อกลุ่มบริษัทประเทศแคนาดา ประกาศขายกิจการ แต่ไม่มีนักลงทุนรายใดให้ความสนใจ เพราะยังไม่เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจ ทำให้ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการเอง และเดินหน้าสานต่อธุรกิจ เนื่องจากมีประสบการณ์กับองค์ความรู้ที่สะสมมานาน อีกทั้ง มีทีมวิศวกรที่เชี่ยวชาญ และที่สำคัญ มีความเชื่อมั่นในอนาคตการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม เพราะไม่ว่าจะเทคโนโลยีการสื่อสารจะพัฒนาไปมากขึ้นเท่าไร ยังจำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนในลักษณะนี้ เพื่อเชื่อมต่อการรับส่งสัญญาณคลื่นความถี่เสมอ
คุณธนากร อธิบายอย่างอารมณ์ดีให้ฟังว่า อุปกรณ์รับส่งสัญญาณสื่อสาร มีใช้กันตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2และต่อเนื่องจนปัจจุบันพัฒนาเป็นยุค 5G แล้ว ก็ยังใช้อยู่ เพียงแต่พัฒนาและเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่โดยพื้นฐานแล้วหลักการทำงานยังเป็นแบบเดิม

ทั้งนี้ ระบบอุปกรณ์การรับส่งสัญญาณสื่อสาร 1 ชุด จะประกอบด้วยชิ้นส่วนมากกว่า 200 ชิ้น ซึ่ง MTC เป็นหนึ่งใน Supply Chain ของการผลิตจุดเด่นของMTCคือสามารถผลิตสินค้าได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ในรูปแบบ Made to Orderเช่น ไอโซเลเตอร์ (Isolator) หรือเซอร์กูเรเตอร์ (Circulators) ภายใต้กระบวนการผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 สามารถรองรับช่วงความถี่ตั้งแต่ 350 MHz ถึง 40 GHz พร้อมควบคุมต้นทุนที่เหมาะสม ทำให้ขายสินค้าในราคาที่แข่งขันได้ อีกทั้ง บริการจัดส่งตรงเวลา ส่งถึงมือลูกค้าตามกําหนด
ในเมืองไทยเวลานี้ MTC เป็นผู้ผลิตหลักอุปกรณ์ลักษณะนี้เพียงรายเดียวของประเทศ โดยส่งออกต่างประเทศ 100% ลูกค้าหลักได้แก่ ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ ตามลำดับ โดยเฉลี่ยบริษัทมียอดขายเติบโตประมาณปีละ 10%ต่อเนื่อง และเทรนด์ในอนาคตเชื่อว่าธุรกิจยังเติบโตต่อเนื่อง จากอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่ไม่หยุดพัฒนา
ปัจจุบัน กิจการMTC กำลังส่งต่อให้กับลูกชายทั้ง 2 คน เข้ามาสานต่อกิจการ โดย คุณชาติชาย ชาวนาแก้ว และ คุณชลชาติ ชาวนาแก้วในฐานะผู้จัดการทั่วไป และ Sales Engineer MTC

ทั้งสองช่วยขยายความเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกการทำงานของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่MTC ผลิตขึ้น ให้ฟังว่าชิ้นส่วนดังกล่าวเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่ถูกนำเข้าไปประกอบเพื่อสร้างอุปกรณ์การสื่อสาร ที่ต้องมีชิ้นส่วนในการรับและส่งของสัญญาณ รวมถึง ปกป้องคลื่นความถี่ไหลย้อนกลับ และป้องกันความเสียหายของทั้งระบบ
จากการพัฒนาและเติบโตของระบบโทรคมนาคมที่ขยายตัวรวดเร็วจากยุค 2G สู่ปัจจุบัน 5G ทำให้ความต้องการสินค้าตัวนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและในปัจจุบันที่มีการพัฒนาสมาร์ตโฟนต่อเนื่อง ระบบเครือข่ายต่าง ๆ มีความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร ทำให้สินค้าของเรากลายจิ๊กซอว์ที่สําคัญในเชื่อมโยงระหว่างโครงข่ายที่จะช่วยเพิ่มหรือกระจายสัญญาณ ให้บริการผู้บริโภคได้เต็มศักยภาพ
“เรายังให้ความสำคัญกับการผลิต ใช้การวิจัยและพัฒนามายกระดับผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ควบคู่กับการควบคุมต้นทุน บริหารจัดการสต๊อกวัตถุดิบให้เพียงพอ รองรับการผลิตได้ทันทีเมื่อลูกค้าสั่ง รวมถึง มีกระบวนการผลิตที่ลดของเสียให้มากที่สุด และทุกชิ้นส่วนต้องผ่านการตรวจสอบ 100% เพื่อส่งมอบสินค้าถึงมือลูกค้าอย่างมีคุณภาพ” ทายาทธุรกิจ ระบุ

คุณธนากร กล่าวเสริมว่าต้นทุนทางการเงิน ถือเป็นปัจจัยสำคัญโดยเฉพาะวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้าของ MTC กว่า 95% ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้น การมีแหล่งทุนที่มีต้นทุนการเงินเหมาะสมไว้สำรองใช้จ่าย จะช่วยให้บริษัทมีความคล่องตัว ซึ่งการเข้ามาสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ผ่านโครงการสินเชื่อ “Beyond ติดปีก SME”ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี ในช่วง 3 ปีแรก ช่วยสร้างประโยชน์ให้บริษัท สามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อยอดการดำเนินงาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และช่วยให้สามารถวางแผนธุรกิจได้เหมาะสมในระยะยาว
แม้จะทำธุรกิจผลิตสินค้าที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย เมื่อถามถึงหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร คุณธนากร กลับย้อนกลับไปสู่พื้นฐานแห่งคุณธรรม ด้วยการยึดมั่นใน“หลักธรรมาภิบาล” ภายใต้แนวคิดที่คอยบอกทายาทธุรกิจรวมถึงทีมงานทุกคนขององค์กรเสมอว่า "ต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต และโปร่งใส" ทั้งด้านการจัดการองค์กร การดำเนินงาน และการดูแลกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะคู่ค้า และพนักงาน

เพราะเชื่อมั่นว่าความเจริญเติบโตของธุรกิจ ต้องมาจากรากฐานที่มั่นคง เมื่อพนักงานมีความสุขในการทำงาน ก็จะสามารถส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าได้เช่นกัน ขณะเดียวกัน เมื่อลูกค้าได้รับมอบสินค้ากับบริการที่ดี มีคุณภาพ ตรงตามเวลา และในราคาเหมาะสม จะกลับมาเป็นลูกค้าประจำสม่ำเสมอ ผลักดันให้บริษัทยังเติบโตไปได้อีกนำไปสู่ความยั่งยืน และพร้อมจะก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในอนาคตต่อไป