“ไทยทิชชูคัลเจอร์” แล็บเนื้อเยื่อพืชกลางทุ่งนาสู่ต้นกล้าโกอินเตอร์ SME D Bank เคียงข้างเติมทุนต่อยอดฝัน พลิกโฉมเกษตรไทยด้วยนวัตกรรม

ณ สถานที่แห่งหนึ่งใน ต.วังไชย อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ทางเข้าถนนยังเป็นดินโคลน ทุรกันดาร สองข้างทางมีแต่พื้นที่ว่างเปล่า แต่เมื่อไปถึง “บริษัท ไทยทิชชูคัลเจอร์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด” ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับแตกต่างกับเส้นทางที่มา สร้างความประหลาดใจ เพราะเป็นที่ตั้งของธุรกิจผลิตและจำหน่ายเนื้อเยื่อพืช (Tissue Culture)ที่มีนวัตกรรมเพาะเลี้ยงอันน่าทึ่งสามารถพัฒนาสายพันธุ์พืชในครอบครองมากกว่า 200 สายพันธุ์ เป็นที่ยอมรับระดับสากล ส่งออกไปนานาประเทศ
สะท้อนว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยที่มี “ดี”มีศักยภาพยังกระจายอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ อย่างราย บริษัท ไทยทิชชูคัลเจอร์ ฯ พลิกโฉมยกระดับวงการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม มีส่วนให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพแก่คนพื้นที่ โดยมี ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เป็นลมใต้ปีกคอยสนับสนุนทั้งด้านเงินทุนและความรู้ ให้ธุรกิจเล็กๆ เติบโตสู่ธุรกิจระดับส่งออกได้

บริษัท ไทยทิชชูคัลเจอร์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด เกิดจากความตั้งใจจริงของคุณอนุวัช อินปลัด และคุณสาวิตรี อินปลัดที่พื้นฐานไม่เกี่ยวข้องกับชีววิทยาหรือเทคโนโลยีการเกษตรใดๆ เลยแต่มีความสนใจอยากทำธุรกิจเกษตร เพราะเห็นว่า เป็นธุรกิจพื้นฐานของประเทศ โดยเริ่มจากจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนผลิต “เห็ดถั่งเช่า” เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เวลานั้น ตลาดยังไม่ตอบรับ ตัดสินใจเปลี่ยนทิศทาง หันมาศึกษาเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชอย่างจริงจังแทน เพราะเห็นถึงประโยชน์และสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของตลาดและตรงเทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อมของโลก ด้วยการไปอบรมความรู้การเพาะเนื้อเยื่อพืชที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์รวมถึง เดินเข้าไปหาการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมจากหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ทำให้จากความรู้เป็นศูนย์กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ และสามารถพัฒนาสินค้าให้มีนวัตกรรมระดับสูงได้สำเร็จ

คุณอนุวัช อธิบายให้ฟังว่า จุดเด่นของเทคโนโลยีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชมีอยู่3 ข้อ ได้แก่ 1.สามารถผลิตต้นกล้าได้จำนวนมากในเวลารวดเร็ว 2. ควบคุมต้นกล้าให้ปลอดโรคได้ และ 3. มีความสม่ำเสมอในการให้ผลผลิต เนื่องจากต้นกล้าทุกต้นมีพันธุกรรมเหมือนต้นแม่ทุกประการ
เริ่มแรกเน้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อกล้วย เพราะเวลานั้น ตลาดกำลังให้ความนิยม จากนั้น ขยายขอบเขตการผลิตไปสู่พืชเศรษฐกิจชนิดอื่น ๆ เช่น แอปเปิ้ลกล้วยหอม และมันสำปะหลัง เป็นต้น โดยเน้นพัฒนาสายพันธุ์ให้เหมาะสมกับภูมิอากาศและภูมิประเทศของไทย เช่น การพัฒนาแอปเปิ้ลเขตหนาวให้สามารถปลูกในพื้นที่เมืองไทย การผลิตกล้วยหอมใช้น้ำน้อยในพื้นที่แห้งแล้ง และการพัฒนามันสำปะหลังให้ทนทานต่อโรค เหล่านี้ ล้วนตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกรไทยในระดับท้องถิ่นและช่วยลดการนำเข้าพืชพันธุ์จากต่างประเทศ นอกจากนั้นยังขยายพัฒนาเนื้อเยื่อกลุ่มไม้ประดับต่าง ๆ ซึ่งต่างชาติให้ความนิยม ปัจจุบัน มีพันธุ์พืชที่พัฒนาขึ้นรวมมากกว่า 200 สายพันธุ์
จุดแข็งเหล่านี้ทำให้ผลิตภัณฑ์ของไทยทิชชูคัลเจอร์ฯ เป็นที่ต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศ เน้นเจาะตลาดกลุ่มร้านจำหน่ายต้นกล้าพันธุ์พืช และกลุ่มเกษตรกรโดยตรง ส่วนตลาดต่างประเทศ เน้นกลุ่มไม้ประดับ ส่งออกไปทั้งประเทศแถบตะวันออกกลาง จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี เป็นต้น
การเติบโตของไทยทิชชูคัลเจอร์ นอกเหนือจากความสำเร็จเชิงรายได้ ยังมีส่วนช่วยพัฒนาชุมชน และยกระดับการเกษตรไทยผ่านการจ้างแรงงานในท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อให้แก่ชาวบ้าน และส่งเสริมให้เกิดการยกระดับการทำเกษตรภายในชุมชนช่วยลดการย้ายถิ่นฐานแรงงานและช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจในท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจที่ผ่านมา เงินทุนเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จำเป็น จุดนี้ SME D Bank เข้ามามีบทบาทสำคัญ ด้วยการสนับสนุนสินเชื่อ สำหรับใช้ลงทุนและหมุนเวียนในธุรกิจ ทั้งจัดซื้อเครื่องมือการผลิตที่ทันสมัย และขยายกำลังผลิตรองรับตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ไม่เพียงเท่านั้น SME D Bank ยังสนับสนุนด้านองค์ความรู้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น เชิญร่วมกิจกรรมพัฒนาธุรกิจ โดยเฉพาะด้านการตลาด อีกทั้ง แนะนำใช้บริการแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” ซึ่งมีหลักสูตร E-Learning บริการที่คำปรึกษาธุรกิจ และสนับสนุนเข้าถึงตลาดใหม่ ช่วยให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่ไกลจากตัวเมืองอย่างไทยทิชชูคัลเจอร์ฯ ยังสามารถเข้าถึงบริการเพื่อการพัฒนาศักยภาพได้อย่างใกล้ชิด
“จากที่ผมได้ใช้บริการของ SME D Bank ผมประทับใจถึงความใส่ใจ การติดตามลูกค้า ธนาคารลงพื้นที่มารับรู้ปัญหาของลูกค้าเสมอ รวมถึง แนะนำการขยายตลาดต่าง ๆ ด้วย ส่วนหนึ่งที่ทำให้ไทยทิชชูฯ เติบโตมาได้ เพราะมี SME D Bank เป็นพี่เลี้ยงที่ดี คอยสนับสนุนแก้ปัญหา ทั้งด้านการเงิน และการตลาด” คุณอนุวัชกล่าว
ในอนาคต บริษัทฯ มีเป้าหมายขยายตลาดให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งการเพิ่มยอดส่งออกและการเจาะตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและลดต้นทุนการตลาด นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านเกษตรกรรม ที่จะรวบรวมข้อมูล แนะนำการปลูกพืช และระบบการขายต้นกล้าแบบครบวงจรไว้ในที่เดียว เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงความรู้และต้นพันธุ์ที่มีคุณภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น
การเดินทางของ ไทยทิชชูคัลเจอร์ฯสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าเรียนรู้ และใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
จากห้องทดลองเล็ก ๆ กลางทุ่งนา วันนี้ สามารถพาเนื้อเยื่อพืชที่พัฒนาขึ้น ไปสู่การเป็นผู้ส่งออกต้นกล้ายังตลาดต่างประเทศ เป็นตัวอย่างที่ดีของความสำเร็จที่เกิดจากการบูรณาการความรู้ นำเทคโนโลยีนวัตกรรมมายกระดับเพิ่มผลิตภาพ รวมถึง ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ ที่แม้จะเริ่มจากศูนย์ ก็สามารถเติบโตเป็นธุรกิจส่งออกสู่ตลาดโลกได้เช่นกัน