กรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์โรคฝีดาษวานรทั่วโลก พร้อมเพิ่มมาตรการตรวจคัดกรองสุขภาพผู้ที่เดินทางจากทวีปแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันออก

   เมื่อ : 17 ส.ค. 2567

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามสถานการณ์โรคฝีดาษวานรทั่วโลกอย่างใกล้ชิด หลังจากที่   องค์การอนามัยโลกได้แจ้งเตือนสถานการณ์ การระบาดโรคฝีดาษวานรในบางประเทศในทวีปแอฟริกากลาง และแอฟริกาตะวันออก ให้เป็น PHEIC (public health emergency of international concern) พร้อมเพิ่มมาตรการตรวจคัดกรองสุขภาพผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด ที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ทุกด่าน โดยเฉพาะด่านท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางจากทวีปแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันออก

​          

วันนี้ (15 สิงหาคม 2567) นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าจากสถานการณ์การระบาดของโรคฝีดาษวานรในทวีปแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันออก เช่นประเทศสาธารณรัฐบุรุนดี สาธารณรัฐเคนยา สาธารณรัฐรวันดา สาธารณรัฐยูกันดา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก  พบอัตราการป่วยด้วยโรคฝีดาษวานร สายพันธุ์ Mpox clade 1b สูงขึ้น  ในปี 2565 - 2567 ผู้ป่วยสะสม 14250 ราย เสียชีวิต 456 ราย ขณะที่ประเทศไทย ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร 140 ราย และเป็นสายพันธุ์ Mpox clade 2 ซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์กับในทวีปแอฟริกา แต่อย่างไร มีมาตรการในการเฝ้าระวังสายพันธุ์ต่างๆในประเทศไทยอยู่แล้ว
​          

นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ได้มอบหมายกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค เพิ่มมาตรการและเข้มงวดการตรวจคัดกรองสุขภาพสำหรับผู้เดินทางจากพื้นที่ระบาด ได้แก่
         1) ตรวจสอบการลงทะเบียน Health Declaration เพื่อการควบคุมโรค ซึ่งต้องมีที่อยู่ การเดินทางและสถานที่ติดต่อระหว่างอยู่ในประเทศไทย
         2) ประชาสัมพันธ์แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง (Health Beware Monitor) 4 ภาษา ได้แก่ไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส และสเปน บริเวณด่านคัดกรอง รวมทั้ง QR code สำหรับการรายงานอาการเจ็บป่วยของตนเอง
         3) วัดอุณหภูมิร่างกาย
         4) หากพบผู้เดินทางมีผื่น หรืออาการเข้าได้กับ โรคฝีดาษวานร จะทำการแยกไว้ในห้องแยกโรคทันที และเก็บตัวอย่างจากผื่น และจากคอหอย ส่งตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ ด้วยวิธี RT-PCR ณ ห้องปฏิบัติการของด่านควบคุมโรคฯ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสามารถรอผลตรวจในห้องแยก 70 นาที
         5) หากผลตรวจทางห้องปฏิบัติการพบ เป็นโรคฝีดาษวานร จะส่งรับการรักษา ณ สถาบันบำราศนราดูร
         6) กรณีพบผู้เดินทางมีผื่น ชัดเจนที่ด่าน หรือสนามบิน ให้พามาตรวจสอบอาการที่ ด่านควบคุมโรคติดต่อฯ ได้ทันที
         

นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมควบคุมโรคร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีการเฝ้าระวังสายพันธุ์ของเชื้อฝีดาษวานร ในประเทศไทยด้วยการสุ่มตรวจมาโดยตลอด     ยังไม่พบสายพันธุ์ clade1b ที่มีการระบาดอยู่ในทวีปแอฟริกา สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศแถบแอฟริกา ควรต้องติดตามว่าประเทศเหล่านั้นมีการระบาดหรือไม่ และควรระมัดระวังการสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคล หมั่นสังเกตอาการตนเอง   ถ้ามีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง หรือเริ่มสังเกตเห็นมีผื่นขึ้นตาม ร่างกายเป็นตุ่มน้ำใสหรือตุ่มหนอง ควรไปพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยรักษาตั้งแต่ต้น กรมควบคุมโรค มีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ โรคฝีดาษ วานร รวมถึงโรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้ำอื่นๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่ๆ อาจมีโอกาสพบผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศติดโรคหรือเจ็บป่วยได้ จึงขอเน้นย้ำการป้องกันโรคฝีดาษวานร ดังนี้ 1) หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด หรือคนพลุกพล่าน หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดบุคคล และขอให้มีการทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวจุดสัมผัสร่วมสม่ำเสมอ 2) หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น 3) หากผู้ที่มีอาการสงสัย 

 

สามารถขอเข้ารับการตรวจหาเชื้อได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง หากมีข้อสงสัย ให้ติดต่อสายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค