”บลจ.กสิกรไทย ครองแชมป์กองทุน ThaiESG ชู K-ESGSI-ThaiESG อันดับ 1 ตราสารหนี้ และ K-TNZ-ThaiESG ยอดนิยม”
บลจ.กสิกรไทย ชู K-ESGSI-ThaiESG สร้างผลตอบแทนสูงสุดเป็นอันดับ 1 และมีผลการดำเนินงานที่ดีในทุกช่วง ในขณะที่ K-TNZ-ThaiESG ยังได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กองทุนมีขนาดใหญ่ที่สุด และกองทุนผสมน้องใหม่ K-BL30-ThaiESG เน้นกระจายลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้พร้อมลุยในทุกสภาวะตลาด พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษช่วงโค้งสุดท้ายของปี
นายวิน พรหมแพทย์ CFA ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุน ThaiESG ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) รวมกว่า 3410.45 ล้านบาท (ข้อมูล AIMC ณ พ.ย. 67) โดยกองทุน K-ESGSI-ThaiESG จากกสิกรไทย สร้างผลตอบแทนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ ThaiESG และมีผลการดำเนินงานที่ดีในทุกช่วง โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน และตั้งแต่จัดตั้ง อยู่ที่ 3.13% และ 5.11%ต่อปี สามารถเอาชนะดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 2.63% และ 4.69%ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล Morningstar ณ วันที่ 29 พ.ย. 67) ทั้งนี้ กองทุน K-ESGSI-ThaiESG เป็นหนึ่งในกองทุน ESG ของ บลจ.กสิกรไทย ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยมีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐของไทยในกลุ่มความยั่งยืนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% และลงทุนในตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) ตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability – Linked Bond) รวมถึงลงทุนบางส่วนในเงินฝากหรือตราสารเทียบเท่าเงินฝากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผู้ระดมทุนมุ่งนำเงินไปใช้ในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเกิดประโยชน์ต่อสังคมไทย
ในขณะที่กองทุน K-TNZ-ThaiESG ยังได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กองทุนมีขนาดใหญ่ที่สุดด้วย AUM มูลค่ากว่า 2278.03 ล้านบาท และสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (YTD) 3 เดือน 6 เดือน และตั้งแต่จัดตั้ง อยู่ที่ 4.90% 6.45% 9.46% และ 5.30%ต่อปี ใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 5.80% 6.75% 9.89% และ 6.33%ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล Morningstar ณ วันที่ 29 พ.ย. 67) ทั้งนี้ กองทุน K-TNZ-ThaiESG เป็นกองทุนแรกของไทยที่มีเป้าหมายสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก ผ่านกลยุทธ์การบริหารจัดการแบบเชิงรับ (Passive Management) สร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด SET100 TRI
นายวินกล่าวต่อไปว่า ล่าสุด บลจ.กสิกรไทย ได้ออกกองทุนผสมหุ้นและตราสารหนี้ K-BL30-ThaiESG ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นไทยเฉลี่ยไม่เกิน 30% โดยเน้นหุ้นที่มีคะแนน SET ESG Rating อยู่ในระดับ AAA ผ่านกลยุทธ์การลงทุนที่นำปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) มาพิจารณาในกระบวนการตัดสินใจลงทุน (ESG Integration) และลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายประเภท ทั้งตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) และตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability - Linked Bond) รวมถึงหุ้นกู้เอกชนที่อยู่ในระดับเข้าลงทุนได้ (Investment Grade) ผ่านกลยุทธ์การคัดกรองเชิงบวก (Positive Screening) ประกอบกับการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร (Credit Analysis) ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อลดโอกาสการผิดนัดชำระหนี้
“จากตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีหน้าที่ทางสภาพัฒน์ได้คาดการณ์ว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วง 2.3% - 3.3% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน การฟื้นตัวต่อเนื่องของการท่องเที่ยว และการเติบโตของการส่งออก ประกอบกับนโยบายผ่อนคลายทางการเงินและการคลังจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาวได้ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มองเป้าดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปลายปี 2025 ที่ 1600 จุด คาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2025 ที่ 12% โดย ณ ระดับ forward P/E 2025 ในปัจจุบันที่ 14.8 เท่า ยังถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปี ย้อนหลังที่ 15.4 เท่า อย่างไรก็ดี ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ขอเชิญชวนผู้ลงทุนเข้าลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว ควบคู่กับการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเฉพาะกองทุน ThaiESG จากกสิกรไทย ที่มีครบทุกนโยบายการลงทุน และครอบคลุมทุกระดับความเสี่ยง” นายวินกล่าว
นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.กสิกรไทย มุ่งนำหลักการลงทุนเพื่อความยั่งยืนมาปรับใช้ในการบริหารจัดการกองทุนเพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด การันตีได้จากการคว้ารางวัลบลจ.ยอดเยี่ยมแห่งปีด้านความยั่งยืน (Best Asset Management Company Awards – ESG) จากงาน SET Awards 2024 มาครองได้สำเร็จในปีนี้ ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุน ThaiESG ที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ นั่นคือ ระยะเวลาการถือครอง 5 ปี และวงเงินลดหย่อน 300000 บาท ทำให้กองทุน ThaiESG เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ และช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถบริหารจัดการเงินลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน ThaiESG จากกสิกรไทย สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษเมื่อลงทุนแบบ DCA ผ่านบริการ K-Saving Plan และ/หรือ DCA ผ่านแอป K-My Funds ในกลุ่มกองทุน ThaiESG/SSF/RMF กสิกรไทย รับ Fund Back สูงสุด 1200 บาท โปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 30 ธันวาคม 2567 ผู้ลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือ ศึกษาข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ของ บลจ.กสิกรไทย ได้ที่ www.kasikornasset.com