บีคอน วีซี เดินหน้ากองทุน Beacon Impact Fund ตอกย้ำพันธกิจผลักดันโซลูชันความยั่งยืนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

   เมื่อ : 09 ธ.ค. 2567

บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) บริษัทเงินร่วมทุนของธนาคารกสิกรไทย ประกาศการลงทุนเชิงกลยุทธ์จำนวน 5 รายการผ่านกองทุน Beacon Impact Fund ในปี 2567 โดยปัจจุบันกองทุนมียอดเงินลงทุนรวมแล้วกว่า  13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 455 ล้านบาท ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันที่ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังมีเป้าหมายในการขยายผลไปยังตลาดสำคัญในภูมิภาคอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม

 

นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) เปิดเผยว่า ในฐานะบริษัทเงินร่วมทุนของธนาคารกสิกรไทย บีคอน วีซี ยึดมั่นในพันธกิจที่จะขับเคลื่อนนวัตกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมเดินหน้าร่วมมือกับองค์กรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย ผ่านการทำงานของกองทุน Beacon Impact Fund ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงินให้สินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของธนาคารกสิกรไทย โดยมุ่งเน้นการลงทุนโดยตรงในบริษัทสตาร์ทอัพหรือผ่านกองทุนเงินร่วมลงทุนที่แสวงหาผลกำไรทั่วโลก ที่มีการพัฒนาโซลูชันสร้างผลกระทบเชิงบวกในมิติต่าง ๆ ของ ESG พร้อมศักยภาพที่จะขยายผลไปในวงกว้าง

ภาพรวมกองทุน Beacon Impact Fund ปัจจุบันได้ส่งมอบเงินลงทุนเพื่อความยั่งยืนไปแล้วรวมทั้งสิ้น 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 455 ล้านบาท ในการผลักดันโซลูชันเพื่อความยั่งยืนในกลุ่มนวัตกรรมที่มีความสำคัญในด้าน ESG อาทิ นวัตกรรมเพื่อการลดการปล่อยคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ (Decarbonization) เทคโนโลยีที่ส่งเสริมความยั่งยืนด้านสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม (Climate Tech) และการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความยั่งยืนและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่เพียงในแค่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังครอบคลุมกลุ่มประเทศในภูมิศาสตร์อื่นๆ อีกด้วย สำหรับปี 2567 นี้ ความสำเร็จล่าสุดของกองทุน Beacon Impact Fund คือ การประกาศลงทุนเชิงกลยุทธ์เพิ่ม 5 โครงการ ได้แก่

 

  • Neutreeno เป็นสตาร์ทอัพจากสหราชอาณาจักรที่มุ่งเน้นการช่วยองค์กรทั่วโลกติดตามและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 3 ซึ่งครอบคลุมการปล่อยก๊าซจากห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) โดยเฉพาะ รวมถึง Scope 1 และ 2 ในองค์กร ผ่านอัลกอริทึมที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลคาร์บอนได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้องค์กรเห็นภาพรวมและหาแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์รวม (Holistic Decarbonization) โซลูชันของ Neutreeno ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรทุกขนาดบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality ได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ
  • PlanetFWD คือแพลตฟอร์มเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาที่ช่วยเจ้าของผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภควิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในแต่ละสินค้า (SKU) ผ่านกระบวนการ Life Cycle Assessment (LCA) เพื่อติดตามปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การผลิตจนถึงการจำหน่าย นอกจากนี้ ยังให้คำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้าแต่ละชิ้น พร้อมเพิ่มความโปร่งใสในข้อมูลด้านความยั่งยืน เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิผล
  • Majoo สตาร์ทอัพอินโดนีเซียที่นำเสนอแพลตฟอร์มการบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจรสำหรับวิสาหกิจรายย่อย ขนาดย่อมและขนาดกลาง (MSMEs) ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการทางการเงินไปจนถึงการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management) โดยแพลตฟอร์มของ Majoo ช่วยให้ผู้ประกอบการในประเทศอินโดนีเซียสามารถปรับปรุงกระบวนการทำงาน รวมถึงสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินเพื่อสร้างความยั่งยืนในการทำธุรกิจได้มากขึ้น
  • Avaana Capital กองทุน VC ด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย มุ่งเน้นการลงทุนในเทคโนโลยีด้านสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่จะทำให้ประเทศอินเดียมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เช่น การจัดการพลังงานและทรัพยากร การคมนาคมที่ยั่งยืน และการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การร่วมลงทุนกับ Avaana Capital ในครั้งนี้ จะทำให้ บีคอน วีซี สามารถขยายขอบเขตการลงทุนไปยังตลาดอินเดียซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด และเพิ่มความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาพลังงานสะอาด การคมนาคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเกษตรแบบยั่งยืน
  • ION Energy สตาร์ทอัพสัญชาติไทย ที่มุ่งเน้นการเข้าถึงพลังงานสะอาดแบบครบวงจรได้ง่ายขึ้น โดยนำเสนอโซลูชั่นโซลาร์เซลล์ ทั้งการลงทุนติดตั้งโซลาร์ฟรีผ่านสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และการรับเหมาและติดตั้งแผงโซลาร์สำหรับที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์ รวมถึงพัฒนา Application สำหรับการบริหาร ติดตาม การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และการชำระเงินออนไลน์

 

นอกจากนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา บีคอน วีซี ได้ดำเนินการผ่านความร่วมมือและโครงการสำคัญต่าง ๆ เช่น การลงนามบันทึกข้อตกลงกับสถาบันเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลก ประจำประเทศไทย (GGGI) เพื่อสนับสนุนการเติบโตของนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และเตรียมความพร้อมให้สตาร์ทอัพการจัดกิจกรรม Climate Tech Connect และ Green Gather เพื่อสร้างเครือข่ายผู้มีส่วนร่วมในระบบนิเวศ แบ่งปันความรู้และความร่วมมือที่กระตุ้นผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดเวิร์กช็อป ESG Essential Reporting เพื่อเสริมสร้างทักษะด้าน ESG และทำการรายงานความยั่งยืนให้กับสตาร์ทอัพ ทั้งนี้ บีคอน วีซี ได้สนับสนุนผู้ประกอบการสตรีในโครงการ Cartier Women’s Initiative 2024 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความหลากหลายและความยั่งยืนในธุรกิจไทยและภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

นายธนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนของ บีคอน วีซี ผ่าน Beacon Impact Fund ไม่เพียงช่วยต่อยอดยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนของธนาคารกสิกรไทย แต่ยังเป็นการเสริมสร้างระบบนิเวศของธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน โดยมีแผนที่จะมุ่งเน้นการลงทุนเพิ่มเติมในโซลูชันที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในส่วนของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ รวมถึงการผลักดันพลังงานสะอาด การบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างชาญฉลาด และการส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงินอย่างทั่วถึง การลงทุนจะให้ความสำคัญกับนวัตกรรมที่มีศักยภาพเติบโตสูง ใช้เงินลงทุนต่ำ และปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมการแข่งขัน นอกจากนี้ บีคอน วีซี ยังให้ความสำคัญกับโซลูชันที่สนับสนุนการเข้าถึงทางการเงินแบบยั่งยืน โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ บริษัทพร้อมนำประสบการณ์จากการลงทุนในต่างประเทศกลับมาพัฒนาระบบนิเวศในประเทศไทย เพื่อกระตุ้นการเติบโตของสตาร์ทอัพไทย และสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกในอนาคต