ความรู้สึก-ความรัก-ความผูกพันของเยาวชน สมาชิก TO BE NUMBER ONE ที่มีต่อกิจกรรม“TO BE NUMBER ONE CAMP” รุ่นที่ 31   

   เมื่อ : 30 ต.ค. 2567

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีองค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE เสด็จพระราชทานเกียรติบัตรแก่เยาวชนสมาชิก “ค่ายพัฒนาสมาชิก TO BE NUMBER ONE สู่ความเป็นหนึ่ง” รุ่นที่ 31ณ เดอะไพน์ รีสอร์ท จังหวัดปทุมธานี โดยมีนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกต์ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต หม่อมหลวงยุพดี  ศิริวรรณ เลขาธิการมูลนิธิโครงการ TO BE NUMBER ONE และที่ปรึกษาโครงการ TO BE NUMBER ONE  พร้อมด้วยผู้บริหาร  เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ประชาชนและนักเรียนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีเฝ้ารับเสด็จ

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ค่ายพัฒนาสมาชิก TO BE NUMBER ONE สู่ความเป็นหนึ่ง หรือ TO BE NUMBER ONE CAMP เป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ TO BE NUMBER ONE ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มีแนวคิดเพื่อให้โอกาสและทางเลือกแก่เด็กและเยาวชนที่เท่าเทียมกันที่จะได้รับการพัฒนาทักษะทางร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และสังคม อย่างถูกต้องและเหมาะสม ไปพร้อมกับความสนุกสนานเพลิดเพลินมุ่งให้เยาวชนเรียนรู้อย่างผ่อนคลาย และมีความสุข ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ได้ประสบการณ์และมีเพื่อนใหม่ ทำให้เกิดสังคม เกิดเครือข่ายให้เยาวชนได้ฝึกช่วยเหลือตัวเอง รู้จักปรับตัวในการอยู่ร่วมกับคนอื่นโดยใช้กระบวนการกลุ่ม สร้างการเปลี่ยนแปลงจาก“ภายใน”เช่น การค้นพบความสามารถของตนเอง การนับถือ ภาคภูมิใจ และเห็นคุณค่าในตนเอง โดยให้เยาวชนเลือกทำกิจกรรมที่ตนเองสนใจและชื่นชอบ มีอาจารย์หรือผู้ฝึกสอนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและเป็น Idol ของเยาวชน ใช้วิธีการสอน หรือฝึกฝนแบบไม่กดดัน ซึ่งมีความเหมาะสมสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเยาวชนและสอดคล้องกับแนวคิดของโครงการ   TO BE NUMBER ONE ที่เน้นแนวคิดการเรียนรู้สำหรับเยาวชนในลักษณะ Play and Learn ใช้กิจกรรมเป็นสื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้อย่างมีความสุขและสนุกกับการเรียนรู้ เพื่อให้เติบโตเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ มีความคิดเชิงบวก ไม่ท้อถอย อะไรง่ายๆ มีความพยายาม รู้จักเสียสละ อดทน มีความภาคภูมิใจ และมั่นใจในตัวเอง สามารถดำเนินชีวิตต่อไปในสังคมได้อย่างมีความสุข  
 

หลักสูตร และกระบวนการของ “ค่าย” มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาพฤติกรรม และทักษะต่างๆ ได้แก่ ทักษะการให้คำปรึกษาเบื้องต้น ทักษะการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์เพื่อพัฒนาตนเอง และกลับไปเป็นผู้นำจัดกิจกรรมให้กับเพื่อนๆในพื้นที่ ทักษะการพัฒนาบุคลิกภาพ และภาวะผู้นำ รวมทั้ง การพัฒนาความสามารถในกิจกรรมสร้างสรรค์ ที่สมาชิกสนใจ เช่น การแสดง การเต้น การร้องเพลง ศิลปะ ภาษา ดนตรี กีฬา เพื่อให้สมาชิกนำไปต่อยอดต่อไปในอนาคต

นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่ากิจกรรมค่ายพัฒนาสมาชิก TO BE NUMBER ONE สู่ความเป็นหนึ่ง รุ่นที่31ครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่13 ถึง วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2567 มีเยาวชนจากชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานศึกษา ชุมชนและสถานพินิจฯ ทั้งจากกรุงเทพมหานครและจังหวัดภูมิภาคทั่วประเทศ เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งสิ้น 465 คน แบ่งเป็นสมาชิกในพื้นที่กรุงเทพมหานครจำนวน  24  คน  จากภาคเหนือ  จำนวน 84 คน  จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน  164  คน  จากภาคกลางและภาคตะวันออก จำนวน 107  คน จากภาคใต้  จำนวน  86 คน และในครั้งนี้มีเยาวชนสมาชิกที่ได้รับโอกาสในการกล่าวความรู้สึกต่อหน้าพระพักตร์องค์ประธานโครงการ จำนวน 6 คน

“คาร์บิว”นายสุรพิชญ์ รื่นยุทธ ประธานชมรมTO BE NUMBER ONEโรงเรียนอยุธยาอนุสรณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่าตนเป็นสมาชิก ชมรม TO BE NUMBER ONEของโรงเรียนและได้สมัครเข้าร่วม TO BE NUMBER ONE CAMPรุ่นที่ 31ในครั้งนี้  เนื่องจากครอบครัวของตนเองก็อาศัยอยู่ในชุมชนที่มีการใช้สารเสพติดเป็นจำนวนมาก ทั้ง ยาบ้า ยาไอซ์ ใบกระท่อม กัญชา เหล้า บุหรี่ เป็นต้น ในชุมชนมีทั้งผู้เสพและผู้ค้าซึ่งหนึ่งในนั้นมีพ่อของตนเองรวมอยู่ด้วย พ่อของตนเองถูกจับดำเนินคดีในข้อหาใช้สารเสพติดและค้าขายสารเสพติด  หลังพ้นโทษก็ยังไม่เลิกใช้สารเสพติด วนเวียนอยู่อย่างนี้จนถูกดำเนินคดีถึง 3 ครั้ง  ซึ่งในครั้งนี้ท่านไม่ได้กลับมาใช้ชีวิตเหมือนครั้งก่อนๆเพราะเสียชีวิตลงในขณะเข้ารับการบำบัด สาเหตุจากหัวใจวายเฉียบพลัน เนื่องจากได้ใช้สารเสพติดเป็นระยะเวลานานและเป็นจำนวนมาก  เหตุการณ์ครั้งนี้คือเครื่องเตือนสติตนเองอยู่ตลอดว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดและจะนำความรู้ที่ได้จากโครงการ TO BE NUMBER ONE ไปเผยแพร่และส่งต่อให้กับเยาวชนรุ่นใหม่และผู้คนในชุมชนของตนเองเพื่อไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และตนเองนายสุรพิชญ์ รื่นยุทธ ขอสัญญาว่าจะปฏิบัติตนเป็นคนดีและไม่ยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดตลอดไป
             

“ลูกคุณ” นายธนวัฒน์ ศรีพา สมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนลาดยาววิทยาคม จ.นครสวรรค์ กล่าวความรู้สึกของตนเองที่มีต่อค่ายรุ่นที่ 31ว่าเริ่มจากวันแรกที่ได้เข้ามาก็ได้รับรู้ถึงความอบอุ่นที่พี่ๆทุกคนมอบให้ เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้อีก โครงการ TO BE NUMBER ONE ได้เปิดโอกาสให้แก่เด็กๆมากมาย  กิจกรรมต่างๆในค่ายนี้ช่วยให้ตนเองได้พัฒนาทักษะในหลายๆด้าน ทั้งในเรื่องการทำงานร่วมกับผู้อื่น การรับฟังความคิดเห็นที่ต่างกัน และการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น  ซึ่งทำให้รู้ว่าการทำงานเป็นทีมให้สำเร็จได้ไม่ได้มาจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่มาจากการร่วมมือกันของทุกคนและทำงานอย่างมีเป้าหมายร่วมกันจนสำเร็จ 

จากที่ไม่ค่อยกล้าพูดกล้าแสดงออกตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองกล้าแสดง กล้าคิดและไม่กลัวต่อความผิดพลาด เพราะความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ เป็นแรงผลักดันในการใช้ชีวิต อยากบอกว่า TO BE NUMBER ONE เปรียบเสมือนบ้านอีกหลังของตนเองเป็นที่พึ่งพิงสำหรับเยาวชน ตนเองจะนำประสบการณ์ที่ดีครั้งนี้ไปต่อยอดในการใช้ชีวิต สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณทูลกระหม่อมที่สร้างโครงการ TO BE NUMBER ONE ขึ้น ซึ่งเป็นโครงการที่ดีมากๆ ผมเชื่อว่าประสบการณ์จากค่ายนี้จะพัฒนาให้ผมเป็นเยาวชนที่เก่งและดีในอนาคต ผมรักCAMP 31 รักโครงการ TO BE NUMBER ONE และรักทูลกระหม่อมฯครับ
    

“คิม”นายศรีรัตน์  พรมถาวร สมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนชุมชนบ้านเขานา  อำเภอนาทวี  จ.สงขลา กล่าวว่าจุดเริ่มต้นของการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ TO BE NUMBER ONE เหตุผลหลักๆเพราะคนในชุมชนของตนใช้สารเสพติดจำนวนมาก จึงเลือกมาช่วยเหลือพี่ๆแกนนำในชมรมด้วยการทำงานเป็นเบื้องหลัง เพราะเห็นว่ากิจกรรมในกลุ่ม TO BE NUMBER ONE ทำให้ได้พัฒนาศักยภาพของตนเองในหลายๆด้าน  ตนเองรู้สึกสนุกสนานและมีความสุขมากๆที่ได้เป็นเด็ก TO BE NUMBER ONE การได้มาร่วมแคมป์รุ่นที่ 31 ในครั้งนี้ทำให้ได้พบเจอเพื่อนใหม่ ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว  กิจกรรมในค่ายได้เปลี่ยนตนเองให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทำให้ตนมีความกล้าแสดงออก อย่างเช่นที่ได้มีโอกาสพูดต่อหน้าพระพักตร์ทูลกระหม่อมที่เป็นเหมือนศูนย์รวมใจของพวกเราชาว TO BE NUMBER ONEทุกคน ผมขอขอบคุณทูลกระหม่อม ขอบคุณโครงการที่ทำให้ผมและเพื่อนๆมีที่พึ่งทางใจ ได้พัฒนาตนเองให้เป็นเยาวชนที่ดีที่มีคุณภาพให้สมกับคำว่า “เก่งและดี TO BE NUMBER ONE”  ผมจะเก็บมิตรภาพดีๆไว้ในความทรงจำว่าครั้งหนึ่งตนเองเคยได้เข้าร่วมแคมป์รุ่นที่ 31  และสัญญาว่าจะเป็นหนึ่งโดยไม่พึ่งยาเสพติดและจะร่วมพัฒนาโครงการ TO BE NUMBER ONE  ให้คงอยู่ต่อไป

“แบม”นายธนกฤต โอวาส ประธานชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนปทุมรัตต์พิทยาคม อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่าตอนเด็กๆตนเองได้ยินแต่พวกพี่ๆเล่ากันว่า “ไปเต้น TO BE NUMBER ONE” ตอนนั้นในความคิดของตนเองตั้งคำถามว่า “TO BE NUMBER ONE มีแต่เต้นหรือ” จนวันหนึ่งได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมต่อต้านยาเสพติดที่มีโครงการ TO BE NUMBER ONE ร่วมอยู่ด้วย ทำให้ได้รู้ว่า TO BE NUMBER ONE ไม่ได้มีแค่เต้น แต่ TO BE NUMBER ONE มีกิจกรรมที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเยาวชนและวัยรุ่น เป็นทั้งจุดยืนของการแสดงออก เป็นภูมิคุ้มกันให้ห่างไกลยาเสพติด ตนเองจึงอยากขับเคลื่อนชมรม TO BE NUMBER ONE ของโรงเรียนให้พัฒนาต่อไป การได้ร่วมกิจกรรม TO BE NUMBER ONE CAMP ในครั้งนี้ ตนเองได้ทั้งเพื่อนและทักษะต่างๆมากมาย และจะนำประสบการณ์เหล่านี้ไปพัฒนาเพื่อนๆ น้องๆในชมรมฯต่อไป 

ตนเองดีใจมากที่ได้มีโอกาสกล่าวแสดงความรู้สึกต่อหน้าพระพักตร์ทูลกระหม่อม ทูลกระหม่อมครับ โครงการ TO BE NUMBER ONE ได้เข้าถึงนักเรียนที่อยู่ในชนบทอย่างพวกผม TO BE NUMBER ONE ได้เข้ามาเป็นที่พึ่งพา เป็นเพื่อนในยามท้อให้ปรึกษา เป็นภูมิคุ้มกันให้พวกเราได้รู้ว่ายาเสพติดไม่ควรเข้าใกล้  พวกเราขอขอบคุณที่ทรงห่วงใยพวกเรา ทรงมอบแสงสว่างให้พวกเราได้เติบโตเจริญงอกงามเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีของสังคม    
            

“ขวัญ”ด.ญ.ขวัญชนก จันทวงศ์ ประธานศูนย์เพื่อนใจโรงเรียนวัดบางนาใน(รื่นศยามานนท์) กรุงเทพมหานครกล่าวว่าในอดีตตนเองเคยเดินทางสู่เส้นทางยาเสพติด หารายได้ด้วยการเป็นเด็กส่งยา เพราะตอนนั้นชีวิตไม่มีทางเลือกครอบครัวยากจน แม่มีรายได้จากการร้อยพวงมาลัยขายวันละ 100 บาท ส่วนพ่อประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ถ้าไม่ทำแบบนี้น้องก็จะไม่มีข้าวกินและอาจมีอีกหลายเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ท้ายที่สุดพ่อก็ถูกจับในข้อหาค้ายาเสพติดและมีบัญชีม้า 
            

ในวันที่โรงเรียนได้จัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE ตนเองจึงเข้าร่วมและตั้งใจอย่างมากที่อยากให้ชีวิตของตนเองเป็นบทเรียน ให้เป็นประโยชน์กับคนอื่นได้  TO BE NUMBER ONE ไม่ใช่แค่การร้องหรือเต้นเพียงอย่างเดียว แต่ให้โอกาสตนเองได้รับการศึกษา ได้พัฒนาตัวเอง เข้าถึงกิจกรรมทุกอย่างเพื่อห่างใกล้จากยาเสพติด จนกระทั่งได้รับโอกาสเป็นประธานศูนย์เพื่อนใจ ตนเองได้ให้คำปรึกษาและได้แชร์ประสบการณ์ของตนเองกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในโรงเรียน ได้ค้นพบว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาวงกว้าง นักเรียน ทุกช่วงวัย มีโอกาสเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ตลอด นับเป็นโชคดีของตนที่สามารถหลุดพันจากวงโคจรของยาเสพติดได้  จากที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมกับทางชมรม TO BE NUMBER ONE ของโรงเรียน ตนเองมีความฝันที่อยากจะเป็นครู เพราะครูเป็นผู้ให้โอกาสและสร้างเกราะป้องกันปัญหาต่างๆให้ลูกศิษย์ได้ รู้สึกขอบคุณชมรม TO BE NUMBER ONE เสมอมาที่เป็นแสงสว่างให้กับตนเองและเยาวชนไทยคนอื่นๆ       
            

“ซีกีน”นางสาวนูร์อาซีกีน วาพา สมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE ชุมชนหัวกุญแจ จ.นราธิวาส กล่าวว่าตนเองเป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่น เติบโตจากครอบครัวที่แยกทางกัน แต่พอได้เข้ามาในโครงการ TO BE NUMBER ONE จากที่อยากได้ครอบครัวที่อบอุ่นตรงนี้ก็มีให้ อยากมีพี่มีน้องและมิตรภาพที่ดีที่ตรงนี้ก็มีให้ ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่สุดแล้ว ตนเองเฝ้ารอโอกาสมาค่ายนี้มาเป็นปีๆ เพราะการมาค่ายครั้งนี้ทำให้ตนเองได้ครอบครัวที่อบอุ่นได้มิตรภาพที่ดี ได้ความทรงจำที่ดี ได้ความผูกพัน เหมือนได้อยู่กันเป็นปีๆ ได้ใช้ชีวิตในกฎระเบียบ ได้ความสุขใจ

หลังจากนี้ตนเองจะนำความรู้จากตรงนี้ไปต่อยอดให้กับชมรมต่อไป ซึ่งชมรมของตนเองยังมีนวัตกรรมที่ว่าเด็กโกลกไปแคมป์จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง สร้างคนรุ่นใหม่หัวใจทูบี เพื่อให้น้องๆรุ่นหลังๆ ได้กลับมาที่ค่ายตรงนี้อีก ความรู้ที่ได้ตนก็จะนำไปเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับรุ่นต่อไป  สุดท้ายนี้ตนอยากขอบคุณทูลกระหม่อม ที่สร้างโครงการนี้ขึ้นมา  ขอบคุณป้าหม่อม ขอบคุณโครงการ ขอบคุณค่าย ขอบคุณพี่เลี้ยงค่าย ขอบคุณพี่เลี้ยงสี ขอบคุณผู้สังเกตการณ์จังหวัดนราธิวาส ขอบคุณผู้จัดการชมรม TO BE NUMBER ONE หัวกุญแจ ขอบคุณเพื่อนๆสำหรับมิตรภาพดีๆที่เกิดขึ้นในค่ายนี้ และมีคำหนึ่งคำที่ตนเองขอจดจำไว้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าค่าย

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ