สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จทรงเป็นองค์ประธานเปิดโครงการ PRINCESS COLLECTION 2024 กิจกรรมเพื่อสังคมแห่งปี ร่วมรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม
โดยแบรนด์ SIRIVANNAVARI จับมือร่วมกับ Wacoal ออกคอลเลกชันชุดชั้นในและชุดเลาจน์แวร์ทรงออกแบบนำรายได้ส่วนหนึ่งสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อการดูแลผู้หญิงไทยเรื่องโรคมะเร็งเต้านมอย่างครบวงจร ของศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ (เพื่อมะเร็งเต้านม) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย มูลนิธิกาญจนบารมี และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จทรงเป็นองค์ประธานเปิดโครงการ “Princess Collection 2024” กิจกรรมเพื่อสังคมแห่งปีตามพระราชดำริ เพื่อร่วมรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย โดยในเดือนตุลาคมของทุกปี นับเป็นเดือนที่ผู้คนทั่วโลกร่วมกันรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านมอีกด้วย โดยแบรนด์ SIRIVANNAVARI จับมือร่วมกับ WACOAL (วาโก้) แบรนด์ชุดชั้นในชั้นนำระดับโลก สร้างสรรค์คอลเลกชันชุดชั้นในและเลาจน์แวร์ ในรูปแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น วางจำหน่าย เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งมอบแก่องค์กรพันธมิตร 3 องค์กร ได้แก่ ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มูลนิธิกาญจนบารมี และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านม และสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้หญิงไทยทั่วประเทศ โดยภายในงาน มีคุณมินต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง คุณเดียร์น่า ฟลิโป สองดารานักแสดงชื่อดัง และคุณโอปอล- สุชาตา ช่วงศรี Miss Universe Thailand 2024 และแขกผู้มีเกียรติ ผู้สนับสนุนโครงการ เข้าร่วมรับเสด็จฯ และร่วมชมกิจกรรม ณ อาคารจักรพงษ์ โรงพยาบาลจุฬาฯ สภากาชาดไทย
โรคมะเร็งเต้านมเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญ ปัจจุบันอุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งเต้านม นับเป็นอันดับต้นๆ ของทุกภูมิภาคทั่วโลก มีอัตราการตรวจพบมากเป็นอันดับหนึ่ง ถึงปีละมากกว่า 2 ล้านคน และคร่าชีวิตผู้ป่วยปีละมากกว่า 700000 คน ซึ่งสูงมากเป็นอันดับสอง รองจากโรคมะเร็งปอด (WHO 2565) ในประเทศไทย มีผู้ป่วยใหม่ราว 18000 คนต่อปี และ มีผู้เสียชีวิตราว 4800 คนต่อปี และมีอัตราเกิดโรคเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี (กรมการแพทย์ 2563)
นางรติรส จุลชาต รองประธานกรรมการ แบรนด์ SIRIVANNAVARI กล่าวว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แบรนด์SIRIVANNAVARI ได้ทรงมีพระราชดำริจัดตั้งโครงการ “Princess Collection” ร่วมกับแบรนด์ WACOAL เมื่อปีพ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้หญิงไทยตระหนักถึงการใส่ใจสุขภาพร่างกาย ไม่เพียงแต่ทำงานหาเลี้ยงชีพหรือดูแลครอบครัวจนละเลยตนเอง อีกทั้งยังทรงต้องการส่งขวัญและกำลังใจให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกคน เ พราะความหมายของคำว่า ‘Empowering Woman’ คือ การส่งต่อกำลังใจและพลังบวกของผู้หญิงมอบให้แก่กันและกัน อันเป็นแนวคิดหลักของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ที่ยึดถือในการสร้างสรรค์ผลงานในทุกด้านเสมอมา โครงการ Princess Collection 2023 ในปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จด้วยความร่วมมือจากพันธมิตร ทั้งชุดชั้นในวาโก้ มูลนิธิกาญจบารมี และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ จึงทรงมุ่งมั่นที่จะสานต่อความร่วมมือให้ต่อเนื่อง โดยปีนี้มีพันธมิตรเพิ่มเติม ได้แก่ ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ (เพื่อมะเร็งเต้านม) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นองค์กรหลักอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ในการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมาโดยตลอด”
“คอลเลกชัน ‘Princess Collection SIRIVANNAVARI x Wacoal’ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ประจำปี 2024 ประกอบด้วยชุดชั้นใน และเสื้อผ้าเลาจ์แวร์ ที่องค์ดีไซเนอร์ทรงถ่ายภาพแคมเปญโฆษณา และทรงออกแบบคอลเลกชันด้วยพระองค์เอง โดยธีม งานออกแบบสำหรับในปีนี้ จะเน้นโทนสีขาวและสีดำ และลูกเล่นออมเบรไล่เฉดสี ประดับลูกไม้พรีเมี่ยม โดดเด่นด้วยลวดลายกราฟิกจากภาพวาดฝีพระหัตถ์ รวมทั้งทรงออกแบบสัญลักษณ์รูปหัวใจ “Heart of Love” อันถ่ายทอดถึงความห่วงใยที่ทรงมีให้กับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ซึ่งรูปหัวใจนับเป็นภาษาสากลที่สื่อถึงความรักที่ทุกคนมอบให้แก่กัน นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ระลึกของโครงการ ออกแบบโดยแบรนด์ SIRIVANNAVARI เพื่อมูลนิธิกาญจบารมี อันประกอบด้วยเสื้อยืด เสื้อโปโล กระเป๋า ขวดน้ำ และร่ม วางจำหน่ายอีกด้วย ทั้งนี้โครงการ Princess Collection เป็นกิจกรรมเพื่อสังคมประจำปี ที่ทางแบรนด์ SIRIVANNAVARI มุ่งมั่นร่วมกับพันธมิตร โดยหวังจะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตผู้หญิงอีกมากมาย ให้ได้รับกำลังใจ สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม ได้รับโอกาสในการตรวจ และได้รับการรักษาอย่างครบวงจร ทันท่วงที”
นางอินทิรา นาคสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “วาโก้คือ แบรนด์ชุดชั้นในแบรนด์แรกในไทย ที่อยู่คู่กับผู้หญิงไทยมากว่า 54 ปี จึงต้องการตอบแทนด้วยการทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคมและเพื่อผู้หญิงที่เป็นกลุ่มลูกค้าคนสำคัญของวาโก้ ผ่านหลากหลายโครงการ หนึ่งในนั้นคือโครงการ “วาโก้โบว์ชมพู สู้มะเร็งเต้านม” ที่ดำเนินโครงการมาต่อเนื่องและจริงจังมาถึง 24 ปี ในปี 2567 นี้ ถือเป็นภารกิจรณรงค์ให้หญิงไทยเห็นความสำคัญของการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ภัยร้ายอันดับ 1 ในหญิงไทย หากพบความผิดปกติก็ไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย พบเร็ว รักษาไว มีโอกาสหาย และถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับแบรนด์ SIRIVANNAVARI อีกครั้งในปีนี้ ที่จะสานต่อความร่วมมืออย่างต่อเนื่องเพื่อร่วมรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านมในทุกรูปแบบ ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ของโครงการวาโก้โบว์ชมพูฯ และภารกิจของวาโก้ที่มุ่งมั่นตอบแทนสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปีที่ผ่านมา Princess Collection ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า และเชื่อว่า “Princess Collection 2024” นี้จะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเคย เพราะนอกจากคุณสาวๆ จะได้ชุดชั้นในคุณภาพจากคัดสรรวัตถุดิบที่ดี เนื้อผ้าใส่สบาย การตัดเย็บที่พิถีพิถัน และดีไซน์ที่สวยโดดเด่นแล้ว ยังได้ช่วยหญิงไทยห่างไกลจากโรคมะเร็งเต้านม เพราะรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายสินค้า นำไปสนับสนุนการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านม และสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้หญิงไทยทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังร่วมบริจาคเงินให้แก่มูลนิธิกาญจนบารมี ในการจัดทำโครงการคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ (แมมโมแกรม) เพื่อบริการให้กับสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสใน 4 ภาคทั่วประเทศอีกด้วย
นอกจากวาโก้จะจำหน่ายชุดชั้นใน หลากหลายคอลเลกชันสำหรับทุกวัยแล้ว ยังมี Wacoal Balancing Bra พร้อมเต้านมเทียม สำหรับสตรีผู้สูญเสียเต้านม ที่ออกแบบคำนึงถึงสรีระบริเวณเต้าทรงที่สูญหายไป เติมเต็มความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ Wacoal Balancing Bra เป็นผลิตภัณฑ์เดียวที่ไม่อยากขาย วาโก้จึงเน้นย้ำพร้อมรณรงค์ให้ผู้หญิงไทยรู้จักการป้องกัน และเห็นความสำคัญของการตรวจเต้านมด้วยตนเอง ‘พบเร็ว รักษาไว มีโอกาสหาย’ แนวคิดสำคัญที่วาโก้อยากสื่อสารให้ผู้หญิงทุกคน มากว่าการขาย Balancing Bra ให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมค่ะ”
นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี ประธานมูลนิธิกาญจนบารมี เปิดเผยว่า “ในประเทศไทย มีสตรีที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมรายใหม่สองหมื่นกว่าคนต่อปีและเสียชีวิตนับพันกว่าคนต่อปี อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมคือ การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการตรวจเบื้องต้นด้วยตนเองและการพบแพทย์ หากพบก้อนเนื้อขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตร มีโอกาสหายขาดประมาณร้อยละ 70-80 และอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้พบก้อนมะเร็งได้เร็วขึ้นเมื่อยังมีขนาดเพียง 3-4 มิลลิเมตรคือการตรวจด้วยเครื่องเมมโมแกรม”
นับเป็นความโชคดีของพสกนิกรไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในท้องถิ่นห่างไกลและผู้ด้อยโอกาสที่ได้รับพระราชกรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ผู้ทรงก่อตั้งมูลนิธิกาญจนบารมีในเดือนตุลาคม ปีพ.ศ. 2557 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้มูลนิธิฯ จัดทำโครงการ “คัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่หรือ Mammogram” เพื่อคัดกรองค้นหาสตรีที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมและนำผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้มาให้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม ตลอดจนการสอนตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง ตรวจเต้านมโดยแพทย์ และเอกซเรย์เต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรม และอัลตร้าซาวด์ เมื่อพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม ก็จะส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดนั้นๆ ซึ่งก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ นอกจากนี้ ในปีพ.ศ. 2566
ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้รับเงินสนับสนุนจากโครงการ Princess Collection และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้ทรงพระราชทาน Balancing Bar ให้กับมูลนิธิฯ เพื่อมอบให้กับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการผ่าตัดเอาเต้านมออกทั่วประเทศซึ่งเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
นพ.สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า “กระทรวงสาธารณสุขผลักดันนโยบายการคัดกรองมะเร็งเต้านมเพื่อให้ผู้หญิงไทยกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้ารับการคัดกรองเพื่อตรวจค้นหามะเร็งระยะเริ่มแรกหรือระยะก่อนเป็นมะเร็ง ซึ่งจะทำให้การรักษาได้ผลดีและมีโอกาสหายจากโรคสูง ทางสถาบันฯ จึงมีนโยบายมุ่งเน้นไปที่การให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการคัดกรองและสอนให้ตรวจเต้านมด้วยตนเอง หรือให้ประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไปได้รับการตรวจโดยแพทย์ อีกทั้งสถาบันฯ มีบทบาทในการผลักดันให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปีตลอดจนผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น มีประวัติครอบครัว มีญาติที่ใกล้ชิดป่วยเป็นมะเร็งเต้านมหรือรังไข่ หากพบยีน BRCA1/BRCA2 ที่ผิดปกติสามารถให้ญาติสายตรง (พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก) มาตรวจยีน BRCA1/BRCA2 ได้ เพื่อการเฝ้าระวังและป้องกันการเกิดโรค”
และล่าสุดในปี 2567 มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ “การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรม
และอัลตราซาวด์” สำหรับผู้หญิงไทยทุกสิทธิ ในกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไปที่มีญาติสายตรงเป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านม นอกจากนี้ทางกระทรวงฯ ยังได้มีการพัฒนาระบบบริการสุขภาพจัดระบบส่งต่อการดูแลรักษาพยาบาลอย่างเป็นระบบ เพื่อการให้บริการรักษาและการส่งต่อผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเป็นไปอย่างถูกต้องตามมาตรฐานและสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ตามสิทธิ นอกจากนี้ ทางสถาบันมะเร็งได้มีส่วนร่วมกับ Princess Collection มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีแรกที่ริเริ่มโครงการ
ในปีนี้ โครงการ Princess Collection 2024 มีพันธมิตรเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม ได้แก่ ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ (เพื่อมะเร็งเต้านม) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ มีนโยบายอย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและทรงประสิทธิภาพ สำหรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาโรคทางเต้านม อีกทั้งริเริ่มให้มีพยาบาลที่ปรึกษาเฉพาะโรคเต้านมที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สามารถให้คำแนะนำและให้กำลังใจผู้ป่วยตั้งแต่เริ่มเข้ารับการตรวจ จนกระทั่งการรักษาอย่างครบวงจร
ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถฯ จัดตั้งขึ้นโดยนายแพทย์กฤษณ์ จาฏามระ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งมานานกว่า 50 ปี เป็นผู้บุกเบิกการผ่าตัดรักษามะเร็งเต้านมโดยการสงวนเต้าในประเทศไทย ได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ขอพระราชทานอนุญาตจัดตั้งศูนย์มะเร็งเต้านมขึ้น ภายในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อให้สตรีไทย ได้มีโอกาสเข้าถึงการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ก้าวหน้า ต่อมาพระองค์ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์โครงการฯ พร้อมทั้งได้พระราชทานนาม “ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ” เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2548
ตลอดช่วงที่ผ่านมา ทางศูนย์ฯ สามารถจัดซื้อเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าในระดับภาคพื้นเอเชีย ด้วยเงินทุนสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธา อันนำมาซึ่งประโยชน์ต่อประชาชนในวงกว้างอย่างแท้จริง