โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต สร้างปรากฏการณ์คว้า ‘กุญแจมิชลิน’ เผยเป็นโรงแรมสัญชาติไทยแห่งแรกและแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัลจากมิชลิน ไกด์ ประจำปี 2567
ขึ้นแท่นโรงแรมระดับลักซ์ชูรีแห่งแรกของดุสิตที่ได้รับการยกย่องให้เป็น
“โรงแรมที่พิเศษเหนือกว่าโรงแรมโดยทั่วไป”
ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟเกียวโต ใจกลางอดีตเมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น
กรุงเทพ 1 สิงหาคม 2567 : กลุ่มดุสิตธานีประกาศความสำเร็จในระดับโลกอีกขั้น หลังจาก “โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต” (Dusit Thani Kyoto) สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ ด้วยการเป็นโรงแรมสัญชาติไทยแห่งแรกและแห่งเดียวในญี่ปุ่น ที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ได้รับรางวัล “กุญแจมิชลิน” (Michelin Key) อันทรงเกียรติจากคู่มือ มิชลิน ไกด์ (Michelin Guide) ประจำปี 2567 ตอกย้ำความเป็นโอเอซิสระดับลักซ์ชูรี ใจกลางอดีตเมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น
มร. จิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานี และโรงแรมดุสิตธานี เกียวโต รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ได้รับรางวัลกุญแจมิชลิน 1 ดอก ในด้านคุณภาพการบริการและประสบการณ์อันโดดเด่น ที่สามารถมอบให้ผู้เข้าพักทุกท่าน โดยโรงแรมดุสิตธานี เกียวโต นับเป็นโรงแรมสัญชาติไทยแห่งแรกและแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากความทุ่มเทของทีมงานในโรงแรม รวมถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละของกลุ่มดุสิตธานีในการสร้างมาตรฐานที่สูงเกินความคาดหวังของแขกผู้เข้าพักในทุกมิติ
สำหรับรางวัลกุญแจมิชลิน เป็นตราสัญลักษณ์พิเศษที่มอบให้กับโรงแรมที่นำเสนอประสบการณ์การเข้าพักอันยอดเยี่ยม ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ระดับเหมือนรางวัลอาหารในมิชลินไกด์ คือกุญแจตั้งแต่ 1-3 ดอก โดยจะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินคุณภาพ 5 ปัจจัย ได้แก่ การออกแบบภายในและสถาปัตยกรรมอันยอดเยี่ยม คุณภาพและความสม่ำเสมอในบริการ ความสะดวกสบาย และการบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพดี ตัวตนที่สะท้อนถึงบุคลิกโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ความเป็นเลิศในการส่งมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าหรือมากกว่าราคาที่จ่าย และสถานที่ที่เป็นจุดหมายในตัวเอง โดยเป็นที่พักที่เพิ่มอรรถรสให้กับประสบการณ์ท้องถิ่น
ปัจจุบันโรงแรมต่าง ๆ ในประเทศฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และบางแห่งในสหรัฐอเมริกา ต่างได้รับรางวัลกุญแจมิชลินไปแล้ว ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียที่ได้รับรางวัลนี้ และ โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต เป็นโรงแรมไทยเพียงแห่งเดียวจากทั้งหมด 85 แห่งในประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับเลือกให้เป็นโรงแรมที่ได้รับรางวัลกุญแจมิชลิน 1 ดอก และยังเป็นโรงแรมแรกของเครือดุสิตที่ได้รับรางวัลนี้
ทั้งนี้ โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต เปิดให้บริการเมื่อเดือนกันยายน 2566 ตั้งอยู่ในย่านฮันกันจิ มอนเซนมาจิ (Hanganji Monzen-machi) ในจังหวัดเกียวโต ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าอันเงียบสงบ ห่างจากสถานีรถไฟเกียวโตเพียง 850 เมตร โดดเด่นด้วยการออกแบบในโรงแรมที่ผสมผสานมรดกอันล้ำค่าของเกียวโตเข้ากับสถาปัตยกรรมของไทย โดยได้บันดาลใจจากอยุธยา อดีตเมืองหลวงของไทยซึ่งเต็มไปด้วยวัฒนธรรม ซึ่งจะเห็นได้จากลวดลายเจดีย์ที่อยู่ในโรงแรม และรูปลักษณ์การออกแบบอื่นๆที่ยังสามารถพบได้ในห้องพักทั้ง 147 ห้อง ที่ได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน มอบความสมดุลอันลงตัวระหว่างความสง่างามเหนือกาลเวลาและเสน่ห์แบบร่วมสมัย
โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบและสวยงาม เปรียบเสมือนโอเอซิสสำหรับนักเดินทางทั้งเพื่อการทำธุรกิจ และพักผ่อน นอกจากพื้นที่จัดงานที่ตกแต่งอย่างหรูหราซึ่งรองรับแขกได้มากถึง 240 คนแล้ว ยังมี เทวารัณย์ เวลเนส เซ็นเตอร์ ที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรม ซึ่งเธอราปิสต์จะนำเสนอการนวดแบบผสมผสานระหว่างการแบบนวดไทยโบราณและพิธีกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านดูแลสุขภาพอีกมากมาย ได้แก่ ศูนย์ออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์ครบครัน และสระว่ายน้ำในร่ม
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต ได้รับ “รางวัลกุญแจมิชลิน” คือ ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่หลากหลาย และโดดเด่นกว่าใคร ซึ่งผู้เข้าพักสามารถลิ้มลองมื้อพิเศษแบบ โอมากาเสะ เพื่อเติมความสุขผ่านอาหารชั้นเลิศ ที่ห้องอาหารโคโย (Kōyō) โดยทีมเชฟจะเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่ระดับพรีเมียม สื่อถึงการเฉลิมฉลอง ’ฤดูกาลพิเศษ’ ทั้ง 24 ฤดูย่อยของเกียวโต สำหรับผู้เข้าพักที่มองหาประสบการณ์หลังรับประทานดินเนอร์สุดลักซ์ชูรี บาร์เดน เกียวโต (Den Kyoto) สามารถตอบสนองความต้องการได้ทันที ทั้งจากการตกแต่งอันงดงาม และค็อกเทลสูตรพิเศษ
ขณะที่ห้องอาหารอายตนะ (Ayatana) อีกหนึ่งห้องอาหารของโรงแรม พร้อมที่จะสร้างประสบการณ์แบบไม่ซ้ำใคร เสนออาหารไทยแบบไฟน์ไดนิ่งผ่านพหุประสาทสัมผัส (Multi – Sensory) โดยได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมที่หลากหลายของทั้งประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น โดยเชฟ โบ – ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดีแลน โจนส์ สองสามีภรรยาซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการอาหารระดับโลก เป็นผู้วางคอนเซ็ปต์ และสร้างสรรค์เมนูต่าง ๆ ให้กับห้องอาหารนี้ การันตีคุณภาพจากร้าน Bo.Ian ซึ่งคว้ารางวัลดาวมิชลินมาแล้ว
โรงแรมแห่งนี้ยังได้รับการยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารขึ้นไปอีกขึ้น จากความมุ่งมั่นของกลุ่มดุสิตธานีที่ต้องการสนับสนุนผู้ผลิตท้องถิ่น และริเริ่มโครงการต่าง ๆ ในเกียวโต อาทิ ความร่วมมือกับ TeaRoom Inc. บริษัทผลิตชาแบบยั่งยืนเพื่อจัดตั้งสวนชาดุสิต (Dusit Tea Garden) ในวาซูกะ (Wazuka) ซึ่งเป็นเมืองทางตอนใต้ของจังหวัดเกียวโต เพื่อผลิตชาออร์แกนิกสำหรับใช้ในร้านอาหารและห้องพักของโรงแรม นอกจากนี้ ดุสิตยังได้ร่วมมือกับ OHARA FARMY ซึ่งสนับสนุนการพัฒนาฟาร์มออร์แกนิกและการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน เพื่อสร้าง ดุสิตฟาร์ม (Dusit Farm) ฟาร์มออร์แกนิกขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากเกียวโตเพียง 20 นาทีโดยรถยนต์ นอกจากการปลูกผักเพื่อใช้ในร้านอาหารของโรงแรมแล้ว ฟาร์มแห่งนี้ยังจะเป็นสถานที่สำหรับการทำกิจกรรมอันน่าประทับใจ และมีคุณค่าสำหรับแขกผู้เข้าพัก เช่น กิจกรรมการเก็บผักด้วยตัวเอง เป็นต้น
“รางวัล “กุญแจมิชลิน” ที่โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต ได้รับในครั้งนี้ ยังถือเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อแบรนด์ดุสิตธานีที่ผ่านการปรับโฉมใหม่ และยังเป็นคำมั่นสัญญาของเราที่จะคงมาตรฐานระดับสูงเช่นเดียวกับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ที่กำลังจะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 27 กันยายน 2567 รวมโรงแรมดุสิตธานีที่อื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งเราหวังว่าจะสร้างความสำเร็จต่อไปในจุดหมายปลายทางอื่น ๆ ของดุสิตธานีในอนาคต” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.ดุสิตธานี กล่าว
ปัจจุบันกลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือรวม 298 แห่ง ใน 18 ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็น โรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิต 57 แห่ง และวิลล่าหรู 241 ภายใต้แบรนด์ อีลิท เฮเวนส์ (Elite Havens) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเช่าวิลล่าระดับลักซ์ชูรีชั้นนำในเอเชีย ซึ่งดุสิตเข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนกันยายน 2561 ปัจจุบันมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตมากกว่า 60 แห่งที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ